ผ่าตัดต้อกระจก: ข้อมูลสำคัญที่คุณควรรู้

ผ่าตัดต้อกระจก: ข้อมูลสำคัญที่คุณควรรู้

การผ่าตัดต้อกระจก เป็นการรักษาต้อกระจกโดยการนำเลนส์ตาที่ขุ่นออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ โดยการผ่าตัดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การผ่าตัดสลายต้อด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง การผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ หรือการผ่าตัดแบบแผลเล็ก การผ่าตัดต้อกระจกมีความประสิทธิภาพและมีอัตราความสำเร็จสูงเมื่อทำโดยจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญ

ทำความรู้จักโรคต้อกระจก

ต้อกระจก เป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการขุ่นของ เลนส์ตา โดยปกติเลนส์ตาจะมีลักษณะใส ทำหน้าที่รวมแสงให้ตกลงบนจอประสาทตาทำให้เกิดการมองเห็นภาพ

เมื่อเกิดต้อระจกขึ้นจอประสาทตาจะรับแสงได้ไม่เต็มที่ทำให้การมองเห็นผิดปกติไป อาจมีสายตาพร่ามัวเหมือนมองผ่านกระจกฝ้า ยิ่งเลนส์ตาขุ่นมากขึ้น การมองเห็นจะลดน้อยลงตามลำดับ 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต้อกระจก

  • ฝึกนอนหงาย โดยมีผ้าคลุมบริเวณใบหน้า ประมาณ 20-30 นาที
    อาบน้ำ ล้างหน้า สระผม ก่อนมาโรงพยาบาลในวันผ่าตัด 
    รับประทานอาหารเช้า และยาโรคประจำตัวตามปกติ 
    ถอดของมีค่า เครื่องประดับ ฟันปลอม 
    งดทาแป้ง ทาครีม หรือแต่งหน้า 
    เนื่องจากผู้ป่วยจะต้องปิดตาข้างที่ผ่าตัดกลับบ้าน ควรมีญาติหรือเพื่อนมาด้วยอย่างน้อย 1 คน

ขั้นตอนการผ่าตัดต้อกระจก

  • 1.ขั้นตอนแรกจักษุแพทย์จะตรวจวินิจฉัยดวงตาอย่างละเอียดเพื่อ แยกชนิดตำแหน่งและความรุนแรงของต้อกระจก
  • 2.ต่อมาจักษุแพทย์ยังต้องวัดเพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าต้อกระจกเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้สายตาขุ่นมัว หรือมีโรคอื่นประกอบด้วย โดยวัดความดันตาและตรวจน้ำวุ้นตากับจอประสาทตาอย่างละเอียด
  • 3.ดำเนินการลอกต้อกระจกพร้อมกับใส่เลนส์แก้วตาเทียมให้แก่ผู้ป่วยเพื่อให้มองเห็นได้เป็นปกติ

หลังการผ่าตัดต้อกระจก

หลังผ่าตัดต้อกระจก ผู้ป่วยควรดูแลดวงตาอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและส่งเสริมการฟื้นตัวที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตา การสัมผัสดวงตา และให้น้ำเข้าตาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตามคำสั่งของจักษุแพทย์

การใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่ง การใส่แว่นกันแดด และการทำความสะอาดตาอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก การก้มศีรษะต่ำ และการไอจามแรงๆ ในช่วงแรกหลังผ่าตัด การติดตามผลการรักษากับจักษุแพทย์ตามนัดเป็นประจำมีความสำคัญอย่างยิ่ง

การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดต้อกระจก

  • วันแรกหลังผ่าตัดต้อกระจก ห้ามเปิดตา จะเริ่มใช้ยาหยอดตาเมื่อจักษุแพทย์ได้ทำการตรวจตาแล้ว 
  • รับประทานยา ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ
  • รับประทานอาหารได้ตามปกติ
  • การนอน ควรนอนหงาย ถ้าเมื่อยนอนตะแคงได้ ถ้าหายควรกลับมานอนหงาย
  • การใช้ผ้าปิดตาจะใช้เฉพาะวันแรก หลังผ่าตัดให้ใส่แว่นตากันลม ฝุ่น หรือใส่ฝาครอบตา
  • ฝาครอบตาสำคัญมากโดยเฉพาะเวลานอน เพื่อป้องกันการเผลอขยี้ตาและการกระแทกที่ตา 
  • สำหรับการผ่าตัดต้อกระจกแบบใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ ต้องครอบตานาน 4 สัปดาห์ ส่วนการผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้างต้องครอบตานาน 6 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับการหายของแผล
  • ห้ามให้น้ำเข้าตา หรือ โดนน้ำ 
  • ห้ามล้างหน้า ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดใบหน้า

ระยะเวลาฟื้นตัวหลังการผ่าตัดต้อกระจก

การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดต้อกระจกมีหลายระยะ โดยส่วนใหญ่ทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่ช่วงวันแรกหลังผ่าตัด และอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะกลับมาปกติ ซึ่งในแต่ระยะจะมีการดูแลตนเองแตกต่างกันไป 

  • ระยะที่ 1 ช่วง 1-2 วันแรกหลังผ่าตัด (ระยะเฉียบพลัน)  
  • ในระยะนี้ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการก้มศีรษะต่ำกว่าเอว และยกของหนัก ในระยะนี้อาจมีอาการตาแดง ระคายเคือง ตาพร่ามัวเล็กน้อย ควรสวมที่ครอบตาหรือแว่นกันแดดเมื่อต้องออกไปข้างนอก เพื่อป้องกันแสงแดดและสิ่งสกปรก และใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการอักเสบ 
  • ระยะที่ 2 ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก (ระยะฟื้นตัว) 
  • ในระยะนี้สามารถเริ่มทำกิจกรรมเบาๆ ได้ หลีกเลี่ยงการใช้สายตามากเกินไปและอย่าพึ่งโดนน้ำ และอาการระคายเคืองตา ตาแดง จะค่อยๆลดลง แต่จะยังมองเห็นไม่ชัด
  • ระยะที่ 3 ช่วง 1 เดือนขึ้นไป (ระยะปรับตัว) 
  • ระยะนี้สามารถกลับมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากๆ หรืออาจกระทบกระเทือนดวงตา ยังคงต้องระมัดระวังการสัมผัสตา การขยี้ตา และการโดนน้ำโดยตรง การมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ แต่ยังคงต้องใส่แว่นกันแดดอยู่เวลาออกข้างนอก

 

การผ่าตัดต้อกระจก สามารถทำได้ 2 วิธี

1. การผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง
วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง ในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งตัวมาก จนไม่เหมาะกับการสลายด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ จักษุแพทย์จะใช้วิธีผ่าตัด โดยแผลยาวประมาณ 10 มม. 
ตามแนวรอยต่อระหว่างกระจกตาดำ และผนังตาขาวบริเวณครึ่งบนของลูกตาเพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก เหลือเปลือกหุ้มเลนส์ด้านหลังไว้เป็นถุง แพทย์จะใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงนี้แล้วเย็บปิดแผลด้วยไหมไนลอนชนิดบางพิเศษ
 
2. การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
การผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เป็นการรักษาที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยมในการแก้ไขภาวะต้อกระจกที่ส่งผลต่อการมองเห็น โดยทั่วไปจะใช้วิธีการผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความถี่สูง (Phacoemulsification) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแผลเล็ก โดยแพทย์จะใช้คลื่นเสียงสลายต้อกระจกที่ขุ่น แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ การผ่าตัดนี้ใช้เวลาไม่นาน พักฟื้นไม่นาน และผู้ป่วยสามารถกลับมามองเห็นได้เป็นปกติในเวลาอันสั้น 

จักษุแพทย์จะแนะนำอย่างไร?

ก่อนผ่าตัดต้อกระจก จักษุแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจ โดยอาจมีการตรวจประเมินสุขภาพโดยรวม, ตรวจตาอย่างละเอียด, และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดและทางเลือกในการใส่เลนส์แก้วตาเทียม

หลังผ่าตัด จักษุแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลดวงตาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ

วิธีปฏิบัติที่เหมาะสม สำหรับการผ่าตัดต้อกระจก

การผ่าตัดต้อกระจกเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องทั้งก่อนและหลังผ่าตัดจะช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

วิธีปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดต้อกระจก

ก่อนผ่าตัด 
ฝึกนอนราบและคลุมโปง เพื่อให้เกิดความเคยชินคล้ายกับการผ่าตัด
เช้าวันผ่าตัดให้ อาบน้ำ สระผม ห้ามแต่งหน้าหรือใส่น้ำมันใส่ผม เจล สเปรย์ งดการติดขนตาปลอม
สำหรับท่านที่มีโรคประจำตัว มีความผิดปกติใดๆ มีปัญหาเรื่องการนอนราบหรือมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบ
ขณะผ่าตัด
ก่อนเข้าห้องผ่าตัดให้ผู้ป่วยเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
ระหว่างการผ่าตัดควรนอนนิ่งๆ ผ่อนคลาย ห้ามขยับหน้ารวมทั้งส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เพราะอาจกระทบกระเทือนถึงตาได้ ถ้าจำเป็นขยับไอหรือ จาม ต้องแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบก่อน เพื่อนำเครื่องผ่าตัดออกจากตา
ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 30 นาที – 1ชั่วโมง ขึ้นกับสภาพของต้อกระจก
หลังผ่าตัด 
หลีกเลี่ยงการก้มหน้า การไอ จามแรงๆ หรือการเบ่งถ่าย
พักผ่อนและทำกิจวัตรประจำวันที่ไม่มี ฝุ่น ลมหรือสารเคมีที่จะกระทบเข้าตาได้ตามปกติ
ห้ามนอนคว่ำ นอนตะแคงได้ตามปกติ แต่อย่านอนทับตาข้างที่ผ่าตัดเป็นระยะเวลานาน 1 เดือน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

หลังจากการผ่าตัดต้อกระจกอาจมีอาการระคายเคือง ตาแดง คันตา เป็นอาการปกติหลังผ่าตัด อาจมีเล็กน้อย และจะค่อยๆ หายไป และอาจมีอาการปวดตาเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไปเอง หรืออาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ 

ค่าใช้จ่ายการผ่าตัดต้อกระจก

ค่าใช้จ่ายการผ่าตัดต้อกระจกในประเทศไทยโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่างข้างละ 20,000 ถึง 80,000 บาท หรืออาจสูงกว่านั้น

โดยโรงพยาบาลนนทเวช มีโปรแกรมผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก

การเลือกเลนส์แก้วตาเทียม

ในกรณีที่ผ่าตัดใส่เลนส์เทียมรักษาต้อกระจก แพทย์จะต้องนำเลนส์ตาออก ดังนั้นผู้เข้ารับการรักษาจะไม่มีอวัยวะเพื่อปรับระยะโฟกัสเหมือนกับเลนส์ แม้จะใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทนที่แล้วก็ตาม

ผู้เข้ารับการรักษาจึงต้องเลือกระยะใดระยะหนึ่ง เพื่อให้มองเห็นในระยะนั้นชัดกว่าระยะอื่น เพราะเลนส์เทียมไม่สามารถปรับโฟกัสได้เหมือนกับเลนส์ตาจริงๆ เลนส์แก้วตาเทียมจึงถูกทำขึ้นเพื่อเลือกระยะโฟกัส ให้มีระยะที่เหมาะกับการใช้งานของผู้เข้ารับการรักษา และถูกทำขึ้นเป็น 3 ชนิด แบ่งออกตามระยะโฟกัส และการแก้ไขปัญหาค่าสายตา

1. เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสระยะเดียว (Monofocal IOLs) 

เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสระยะเดียว เป็นเลนส์ที่สามารถโฟกัสแสงที่มาจากระยะหนึ่งได้เพียงระยะเดียวเท่านั้น ทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม มองเห็นระยะหนึ่งคมชัด แต่มองเห็นภาพในระยะอื่นๆไม่ชัด จำเป็นต้องใส่แว่นเพื่อช่วยปรับระยะโฟกัสชั่วคราว

2. เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสหลายระยะ (Multifocal IOLs)

เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสหลายระยะ คือ เลนส์ที่จะแบ่งแสงออกเพื่อใช้โฟกัสแสงที่มาจากหลายระยะได้ ดังนั้นภาพการมองเห็นจะไม่ได้คมชัดสักระยะ แต่สามารถมองเห็นได้ในหลายระยะมากกว่าเลนส์ชนิดโฟกัสระยะเดียว 
เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสหลายระยะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามจำนวนระยะโฟกัส ดังนี้
  • Bifocal IOL เลนส์แก้วตาเทียมชนิดโฟกัสสองระยะ
  • Trifocal IOL เลนส์แก้วตาเทียมชนิดโฟกัสสามระยะ
  • Extended depth of focus (EDOF IOL) เลนส์แก้วตาเทียมชนิดขยายระยะ/ ยืดระยะโฟกัส 
 
3. เลนส์ตาเทียมแก้ไขสายตาเอียง (Toric IOLs)
เลนส์ตาเทียมแก้ไขสายตาเอียง เป็นเลนส์ที่ใช้สำหรับแก้ไขสายตาเอียงโดยเฉพาะ ปกติแล้วสายตาเอียงจะเกิดจากการเกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 จุด 
หรือจุดโฟกัสมีลักษณะเป็นขีดที่จอประสาทตา จากการที่กระจกตาไม่เรียบ หรือโค้งผิดปกติ ทำให้เกิดภาพมัว ภาพซ้อนจากสายตาเอียง