ยิ่งอายุมาก ความเสื่อมของตาก็มักพบได้มากตามวัย โดยเฉพาะโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ เกิดจากเลนส์แก้วตามีการขุ่นมัวทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ตาพร่ามัว หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการผ่าตัดอย่างเหมาะสม อาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ปวดตาอย่างรุนแรง ม่านตาอักเสบ และลุกลามกลายเป็นต้อหินเฉียบพลัน หากรักษาไม่ทัน อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดในที่สุด
แพ็กเกจผ่าตัดต้อกระจก
มองไม่ชัด เห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ ภาพมัวหรือแพ้แสงจ้า เปลี่ยนมุมมองใหม่ มองโลกได้สดใสกว่าเดิม ด้วยแพ็กเกจผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง ราคาประมาณ 50,000 บาท ขึ้นไป / 1 ข้าง ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก ![]()
การรักษาต้อกระจก
- • การผ่าตัด คือวิธีการรักษาหลักในปัจจุบัน ซึ่งจะใช้การผ่าตัดสลายต้อกระจก (Phacoemulsification) โดยการใช้คลื่นความถี่สูงสลายเลนส์ที่ขุ่นและใส่เลนส์เทียมแทนที่
- • การใช้เลนส์แก้วตาเทียม (IOL) เมื่อเลนส์ตาขุ่นถูกนำออกไปแล้ว จะใส่เลนส์แก้วตาเทียม (IOL) ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นได้ดีขึ้น
- • วิธีสลายต้อด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์
- • วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง
เทคโนโลยีการผ่าตัดต้อกระจก
เทคโนโลยีการผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง (Phacoemulsification) เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาโรคต้อกระจก โดยใช้คลื่นความถี่สูง เพื่อสลายเลนส์ตาที่ขุ่นและแล้วนำเลนส์เทียมมาแทนที่ กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพและมีอัตราความสำเร็จสูง เนื่องจากช่วยให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดเร็วและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนได้มาก
การตรวจต้อกระจกจะริ่มจากจักษุแพทย์ตรวจวินิจฉัยดวงตาอย่างละเอียดเพื่อระบุชนิด ตำแหน่ง และความรุนแรงของต้อกระจก รวมทั้งวัดความดันตาและจอประสาทตาอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่ามีโรคตาอื่นร่วมด้วยหรือไม่ จากนั้นจะดำเนินการลอกต้อกระจกพร้อมกับใส่เลนส์ แก้วตาเทียมให้แก่ผู้ป่วยเพื่อให้มองเห็นได้เป็นปกติ
ผู้ที่ควรรับการผ่าตัดต้อกระจก
- 1. ผู้ที่มีการมองเห็นลดลงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- 2. ผู้ที่มีต้อกระจกที่พัฒนาไปจนถึงระยะรุนแรง
- 3. ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากต้อกระจก
- 4. ผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงของการมองเห็นที่มีผลต่อความปลอดภัย
- 5. ผู้ที่มีอายุมากหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกเร็วขึ้น
- 6. ผู้ที่มีต้อกระจกที่เกิดจากภาวะทางการแพทย์หรือการบาดเจ็บ

โรงพยาบาลที่ไว้ใจได้
การเลือกโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพในการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีของการผ่าตัดหรือการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับสายตา เช่น ต้อกระจก หากคุณต้องการโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ
มาที่ โรงพยาบาล นนทเวช เราพร้อมดูแลรักษาดวงตา และการผ่าตัดต้อกระจก โดยจักษุแพทย์ ร่วมกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามมาตรฐานโรงพยาบาล เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่มีประสิทธิภาพ
การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง (Phacoemulsification) เป็นหนึ่งในวิธีการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยม โดยมีผลลัพธ์ที่ดีในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- • การมองเห็นชัดเจนขึ้น
- • ระยะพักฟื้นสั้น
- • ลดภาวะแทรกซ้อน
- • กลับไปใช้ชีวิตได้เร็วขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
- 1. ใครที่ควรผ่าตัดสลายต้อกระจก?
- ผู้ที่มีต้อกระจกและการมองเห็นลดลงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถขับรถ อ่านหนังสือ หรือทำงานได้ ควรพิจารณาผ่าตัด นอกจากนี้ ผู้ที่มีต้อกระจกในระยะรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคต้อกระจกก็ควรได้รับการผ่าตัด
- 2. ผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูงมีความเสี่ยงหรือไม่?
- การผ่าตัดมีความเสี่ยงต่ำ และเป็นวิธีที่มีอัตราความสำเร็จสูง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีระยะพักฟื้นสั้นลง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนบางประการ เช่น การติดเชื้อ ความดันในตาสูง หรือเลนส์เทียมไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- 3. การผ่าตัดใช้เวลานานเท่าไหร่?
- การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูงใช้เวลาประมาณ 15 - 30 นาที โดยปกติแล้วผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกันหลังการผ่าตัด
- 4. ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 1 - 2 วันหลังการผ่าตัด แต่ต้องหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง เช่น การยกของหนัก หรือการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรก
สรุป
การผ่าตัดต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง (Phacoemulsification) เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยมีระยะพักฟื้นสั้นลงและกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับแผลใหญ่หรือการฟื้นตัวที่ช้า การใช้เทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนแปลงการรักษาต้อกระจกอย่างมากในปัจจุบัน



