ปวดท้องไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อาจเป็นภัยร้ายในผู้หญิง!!

ปวดท้องไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อาจเป็นภัยร้ายในผู้หญิง!!

     ใครหลายคนอาจคิดว่าการปวดท้องเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิต ปวดแป๊บเดียว กินยาเดี๋ยวก็หาย แต่ความจริงแล้วการปวดท้องนี่แหละอาจนำไปสู่โรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงได้อย่างมากมายเลยล่ะ

สาเหตุการปวดท้องของผู้หญิง 

     ปัจจุบันผู้หญิงเริ่มจะป่วยเป็นโรคทางนรีเวชเพิ่มมากขึ้น  สาเหตุของการปวดท้องน้อยในสตรีที่พบมากที่สุดคือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งผู้หญิงหลายคนคิดว่าการปวดท้องระหว่างมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่ในบางรายอาจปวดมากถึงขึ้นต้องกินหรือฉีดยาระงับอาการปวด หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดร้าวที่หลังเอว  ก้นกบ หรือถ่ายอุจจาระช่วงมีประจำเดือนจะมีอาการปวดเบ่ง ปวดถ่ายมาก บางคนท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย หรือเวลามีเพศสัมพันธ์จะรู้สึกเจ็บท้องน้อย เจ็บมดลูก อาการเหล่านี้เป็นอาการของโรคที่เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” ซึ่งสามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจภายในหรือตรวจทางทวารหนัก โดยการใช้นิ้วคลำบริเวณด้านในจะพบเป็นตุ่มเล็กๆ ส่วนใหญ่พบทางด้านหลังมดลูกหรือตรวจพบโดยการส่องกล้องเข้าไปตรวจในช่องท้อง

อาการของโรค “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” 

     ในแต่ละเดือนของการมีรอบเดือนนั้น ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์จะเกิดการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกแล้วออกมาเป็นเลือดประจำเดือน เมื่อหมดรอบเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหนาตัวขึ้นอีก เพื่อรอรับไข่ที่จะมาฝังตัวในรอบหน้า  ภาวะของการเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เชื่อกันว่าในรอบเดือนที่ผ่านมาเลือดประจำเดือนบางส่วนอาจจะไหลไม่ทัน ส่งผลให้เลือดบางส่วนล้นไปยังท่อนำไข่ ทำให้เยื่อเหล่านี้ไหลตกกลับไปยังอุ้งเชิงกราน แล้วฝังตัวเป็นตุ่มเล็กๆ และการมีประจำเดือนในรอบถัดไปตุ่มเล็กๆ เหล่านี้ก็จะมีเลือดออกและฝังตัวมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาสร้างพังงผืด โดยพังผืดอาจไปพันรัดรอบลำไส้ รังไข่ ท่อนำไข่ หรืออาจทำให้เกิดซีสต์ที่รังไข่ที่เรียกว่า ช้อกโกแลตซีสต์  ทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือในบางรายอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่อาจตรวจพบได้ตั้งแต่อายุ 14 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีความผิดปกติของมดลูกแต่กำเนิด และจะพบมากในหญิงวัยเจริญพันธุ์สูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

รักษาได้ไหมอาการนี้ 

     การรักษาในปัจจุบัน  วิธีผ่าตัดผ่านกล้องถือได้ว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยสูง ซึ่งขนาดของแผลหลังการผ่าตัดมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง คือ จะมีขนาดแผลประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อใช้สำหรับใส่กล้อง นอกจากนี้การส่องกล้องยังมีกำลังขยายสูงถึง 5-20  เท่าของการมองเห็นด้วยตาเปล่า ทำให้เกิดความแม่นยำในการผ่าตัด  และช่วยลดอันตรายที่อาจจะเกิดกับอวัยวะที่อยู่ใกล้มดลูก นอนในโรงพยาบาล 1-2 วันก็กลับบ้านได้ ในขณะที่การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องจะเกิดรอยแผลผ่าตัดที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 1 คืบ นอนในโรงพยาบาล 4-7 วัน และพักฟื้นประมาณ 4-6 สัปดาห์ จึงจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ อีกทั้งอาการแทรกซ้อนจากแผลผ่าตัดนั้นจะมากกว่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบผ่านกล้อง

  • โดย นพ.ประทีป หาญอิทธิกุล
  • สูติ-นรีเวช / ผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช / มีบุตรยาก
  • ศูนย์ผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช (Gynecology  Laparoscopic and Hysteroscopic Surgery Center)
  • ศูนย์ผู้มีบุตรยาก (Infertility Center)
  • โทร. 0-2586 - 7888 ต่อ 7901, 2401, 2402