
ครอบฟันคืออะไร?
ครอบฟัน คืออุปกรณ์ที่ทันตแพทย์ใช้ในการฟื้นฟูหรือปรับปรุงลักษณะของฟันที่เสียหายหรือผุไปแล้ว ให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักทำจากวัสดุแบบเซรามิกล้วน โลหะผสม หรือเซอร์โคเนีย ซึ่งจะครอบทับฟันทั้งซี่และยึดติดด้วยกาวหรือซีเมนต์ทางทันตกรรมชนิดพิเศษ
การใช้ครอบฟันช่วยให้รูปร่าง ขนาด และลักษณะภายนอกของฟันกลับมาดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องฟันที่เสื่อมสภาพจากการสึกหรอเพิ่มเติมได้ดี โดยทั่วไปครอบฟันถูกใช้ในการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการทำรากฟันเทียม การรักษาฟันที่มีการกรอหรือสึกหรอมาก หรือเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับฟัน
ประเภทของการครอบฟัน
- 1.ครอบฟันเซรามิก ทำจากเซรามิกสูงคุณภาพ มีความคงทนและสีสันที่คล้ายกับฟันจริงมากที่สุด เหมาะสำหรับครอบฟันหน้าเพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ
- 2.ครอบฟันโลหะผสม ทำจากโลหะ เช่น ทอง, นิกเกิล, หรือโครเมียม มีความแข็งแรงสูงและทนทาน แต่มีสีที่แตกต่างจากฟันจริง มักใช้กับฟันกรามที่ต้องการความแข็งแรงในการบดเคี้ยว
- 3.ครอบฟันเซรามิกเคลือบโลหะ การครอบฟันแบบนี้เป็นการรวมกันระหว่างโลหะและเซรามิก โดยโลหะจะเป็นโครงสร้างฐานและเคลือบด้านนอกด้วยเซรามิก เพื่อให้ความแข็งแรงจากโลหะและความสวยงามจากเซรามิก
- 4.ครอบฟันเซอร์โคเนีย ทำจากเซอร์โคเนียมออกไซด์ เป็นวัสดุที่แข็งแรงเป็นพิเศษและมีสีที่คล้ายฟันจริง ทนต่อการสึกหรอและเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการแพ้โลหะ
แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำประเภทของการครอบฟันที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพฟันของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการครอบฟัน
การครอบฟันเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาหลายขั้นตอนและอาจต้องพบทันตแพทย์หลายครั้ง โดยต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างคุณกับทันตแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและครอบฟันที่มีคุณภาพทนทานตลอดไป โดยขั้นตอนหลักในการครอบฟันประกอบด้วย
- 1.การตรวจและวางแผน ทันตแพทย์จะตรวจสอบสุขภาพของฟันและเหงือกของคุณ เพื่อประเมินว่าการทำครอบฟันเป็นทางเลือกที่เหมาะสมหรือไม่ รวมถึงอาจมีการเอกซเรย์เพื่อดูโครงสร้างฟันและกระดูกที่รองรับ
- 2.การเตรียมฟัน ทันตแพทย์จะกรอเนื้อฟันที่เสียหายออกเล็กน้อยเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับครอบฟัน ซึ่งจะช่วยให้ครอบฟันติดแน่นและมีรูปทรงที่เหมาะสม
- 3.การทำโมเดลฟัน หลังจากเตรียมฟันเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะใช้วัสดุพิเศษเพื่อทำรอยพิมพ์ของฟันที่เตรียมไว้และฟันใกล้เคียง รอยพิมพ์นี้จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างครอบฟันที่เข้ากับฟันของคุณอย่างละเอียด
- 4.การทำครอบฟันชั่วคราว ในขณะที่รอครอบฟันถาวรจากห้องปฏิบัติการ ทันตแพทย์อาจทำครอบฟันชั่วคราวเพื่อปกป้องฟันที่เตรียมไว้และช่วยให้คุณใช้งานได้ตามปกติ
- 5.การทำครอบฟันถาวร เมื่อครอบฟันถาวรพร้อม คุณจะต้องกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อใส่ครอบฟัน ทันตแพทย์จะลองวางครอบฟันและปรับให้พอดีกับฟันของคุณ จากนั้นจะใช้ซีเมนต์พิเศษยึดครอบฟันนั้นให้แน่นหนา
- 6.การประเมินและปฏิบัติตัวหลังการรักษา หลังจากติดตั้งครอบฟันแล้ว ทันตแพทย์จะตรวจสอบการกัดและการปรับตัวของครอบฟัน และอาจนัดติดตามเพื่อตรวจสุขภาพเหงือกและฟันรอบๆ ที่ครอบฟัน
ทำไมถึงต้องทำครอบฟัน?
การครอบฟันมีหลายเหตุผลหลักที่สำคัญทางทันตกรรม โดยครอบฟันเป็นวิธีการรักษาที่สำคัญในการฟื้นฟูและปรับปรุงรูปลักษณ์และความแข็งแรงของฟันที่อาจได้รับความเสียหายจากสาเหตุต่างๆ ให้กลับมาใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด
- • ช่วยฟื้นฟูฟันที่เสียหาย ฟันที่แตกหรือหักจากอุบัติเหตุ การบดเคี้ยวที่รุนแรง หรือมีความเสียหายจากการผุ สามารถฟื้นฟูได้ด้วยครอบฟันเพื่อให้ฟันกลับมาใช้งานได้ปกติและมีรูปร่างที่เหมาะสม
- • สามารถป้องกันฟันผุเพิ่มเติม ฟันที่อ่อนแอจากการผุ การรักษารากฟัน หรือการสึกหรอ อาจต้องทำครอบฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันแตกหรือหักเพิ่ม
- • ปรับปรุงการทำงานของฟัน ครอบฟันสามารถช่วยให้ฟันที่เสียหายกลับแข็งแรง มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวที่ดีขึ้น และช่วยกระจายแรงบดเคี้ยวของฟันให้เท่ากัน บรรเทาความเจ็บของเหงือกหรือการสึกหรอของฟันอื่นๆ
- • ปรับปรุงรูปลักษณ์ฟัน สำหรับฟันที่มีรูปร่าง ขนาด หรือสีไม่สม่ำเสมอ การครอบฟันสามารถช่วยปรับปรุงลักษณะภายนอกของฟันได้เพื่อเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม
- • ทดแทนฟันหลังการรักษารากฟัน ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันอาจจะอ่อนแอลง การครอบฟันช่วยปกป้องให้ฟันเหล่านั้นแข็งแรงขึ้นและยืดอายุการใช้งานได้
การครอบฟัน…ดีอย่างไร?
การครอบฟันมีข้อดีที่สำคัญต่อสุขภาพฟันและการมีรอยยิ้มที่สวยงาม เป็นวิธีการรักษาที่มีประโยชน์ทั้งในเรื่องของการฟื้นฟูและการป้องกันเพื่อรักษาสุขภาพของฟันในระยะยาว
- 1. ปกป้องฟันที่เสียหาย ครอบฟันช่วยป้องกันฟันที่อ่อนแอ แตกหัก หรือเสียหายจากการผุไม่ให้เสียหายเพิ่มเติม โดยห่อหุ้มฟันไว้อย่างแน่นหนาและปกป้องจากแบคทีเรียและสารกัดกร่อนอื่นๆ
- 2. ฟื้นฟูประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ครอบฟันช่วยให้ฟันที่เสียหายสามารถทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง โดยการฟื้นฟูรูปแบบและขนาดที่เหมาะสม ช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอมากขึ้น
- 3. ปรับปรุงรูปลักษณ์ฟัน ครอบฟันมักใช้วัสดุที่มีสีและลักษณะคล้ายฟันจริง ทำให้ฟันที่ได้รับการครอบดูเป็นธรรมชาติ สร้างความมั่นใจ และช่วยรอยยิ้มให้ดูสวยงามขึ้น โดยเฉพาะฟันหน้าที่มีผลต่อการยิ้ม
- 4. ความทนทานและความแข็งแรง ครอบฟันทำจากวัสดุที่แข็งแรง เช่น เซรามิกหรือโลหะผสม ทำให้ฟันมีความคงทนและสามารถรับแรงบดเคี้ยวได้ดีโดยไม่เสียหายง่าย
- 5. ปรับปรุงสุขภาพช่องปากโดยรวม การครอบฟันช่วยให้การดูแลฟันที่เหลือในปากง่ายขึ้น ลดโอกาสในการติดเชื้อหรือการสะสมของแบคทีเรียที่อาจนำไปสู่โรคเหงือกและฟันผุ
ข้อเสียของการครอบฟัน
แม้ว่าการทำครอบฟันจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณา เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณและทันตแพทย์ตัดสินใจสำหรับการรักษาฟันอย่างเหมาะสม
- 1. การครอบฟันอาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะถ้าต้องการวัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น เซรามิกหรือเซอร์โคเนีย ที่ดูเหมือนฟันจริงมากที่สุด และต้นทุนอาจสูงขึ้นหากต้องการครอบฟันหลายๆ ซี่
- 2. การครอบฟันจะต้องมีการกรอฟัน ซึ่งอาจสูญเสียเนื้อฟันบางส่วนและมีโอกาสเสี่ยงต่อการระคายเคืองเส้นประสาท หรือหากต้องทำรากฟันในอนาคต
- 3. มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออักเสบหากครอบฟันไม่พอดี นอกจากนี้หาดูแลรักษาไม่ดีอาจเกิดโรคเหงือกได้
- 4. ความทนทาน แม้ว่าครอบฟันจะแข็งแรงแต่ก็ไม่เทียบเท่ากับฟันธรรมชาติ ครอบฟันอาจหลุดหรือแตกในบางกรณี เช่น เมื่อกินอาหารที่แข็งหรือถูกกระแทก
- 5. ความรู้สึกไม่สบาย บางคนอาจรู้สึกไม่สบายหลังจากการติดตั้งครอบฟัน รู้สึกแปลกๆ ในปาก หรือไวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความร้อนหรือความเย็น
ความเสี่ยงของการครอบฟัน
การครอบฟันเป็นการรักษาทันตกรรมที่ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพ แต่อาจมีความเสี่ยงบางอย่าง ซึ่งการครอบฟันต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องโดยทันตแพทย์ เพื่อตรวจและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะเริ่มแรก รวมทั้งให้แน่ใจว่าครอบฟันมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างยาวนาน
- 1. ฟันจะไวต่อความรู้สึกมากขึ้น หลังจากการเตรียมฟันสำหรับครอบฟัน บางครั้งฟันอาจมีความรู้สึกไวต่อความร้อนหรือเย็นมากขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายได้เองหลังจากครอบฟันถาวรแล้ว
- 2. มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออักเสบ หากครอบฟันไม่พอดีกับฟัน อาจทำให้เกิดช่องว่างที่แบคทีเรียสามารถเข้าไปและทำให้เกิดการติดเชื้อที่เหงือกได้
- 3. ฟันหักหรือแตก ในบางกรณีการครอบฟันอาจไม่สามารถรับน้ำหนักการบดเคี้ยวได้ โดยเฉพาะหากใช้วัสดุไม่เหมาะสมหรือออกแบบไม่ถูกต้อง
- 4. ครอบฟันหลวม อาจหลุดหรือตกได้ ถ้ามีปัญหากับการติดตั้งหรือวัสดุที่ใช้ยึดไม่แน่นหรือมีคุณภาพต่ำ
- 5. แพ้วัสดุครอบฟัน แม้จะพบไม่บ่อย แต่บางคนอาจมีปฏิกิริยาแพ้ต่อวัสดุที่ใช้ในการครอบฟัน เช่น โลหะหรือวัสดุเคลือบเซรามิก
การดูแลรักษาหลังการครอบฟัน
การดูแลรักษาหลังการครอบฟันอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความแข็งแรงและความสวยงามของครอบฟัน ตลอดจนป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจตามมา
- • การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง โดยใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของสารขัดฟันรุนแรง ซึ่งอาจทำลายผิวของครอบฟัน ใช้แปรงนุ่มๆ แปรงอย่างอ่อนโยนเพื่อลดความเสี่ยงเกิดรอยขีดข่วน รวมทั้งใช้ไหมขัดฟันทุกวันเพื่อขจัดคราบและเศษอาหารที่สะสมอยู่ระหว่างฟันและรอบๆ ครอบฟัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคเหงือกและฟันผุ
- • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบบนฟัน
- ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ ชา ไวน์แดง และอาหารที่มีสีเข้มอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบฟันเปลี่ยนสี
- • หลีกเลี่ยงการใช้ฟันกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็ง
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟันในการกัดอาหารที่แข็งเกินไป เช่น น้ำแข็ง ลูกอม เพราะอาจทำให้ครอบฟันหักหรือเสียหาย และควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือนหรือตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อตรวจครอบฟันและทำความสะอาดฟันโดยละเอียด การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของครอบฟันและรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีตลอดเวลา
ครอบฟันอยู่ได้นานแค่ไหน?
อายุการใช้งานของครอบฟันมีปัจจัยที่แตกต่างกันไป เช่น ชนิดของวัสดุที่ใช้ครอบฟัน พฤติกรรมการกิน การดูแลรักษา รวมถึงความถี่ในการพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟัน โดยทั่วไปแล้วครอบฟันมีอายุใช้งาน 5 - 15 ปี แต่ในบางกรณีอาจอยู่ได้นานถึง 20 ปีหรือมากกว่านั้น หากดูแลรักษาอย่างเหมาะสมและไม่ได้รับความเสียหายจากการกินหรือการใช้งานที่ผิดวิธี
เพื่อยืดอายุการใช้งานของครอบฟันให้นานที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เช่น การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียวที่อาจทำให้ครอบฟันหักหรือแตก และการพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจและทำความสะอาดฟัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของครอบฟัน
อายุการใช้งานของครอบฟันอาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งส่งผลต่อความแข็งแรงและการทำงานภายในช่องปาก ดังนั้นการรักษาดูแลครอบฟันอย่างเหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพและยืดอายุการใช้งานของครอบฟันให้ออกไปให้ได้มากที่สุด
ปัจจัยหลักที่มีผลต่ออายุการใช้งานของครอบฟัน ได้แก่
- 1. วัสดุของครอบฟัน ครอบฟันที่ทำจากเซรามิกหรือเซอร์โคเนียมีความทนทานและแข็งแรงสูง สามารถทนต่อการสึกหรอและแรงกัดเคี้ยวได้ดี ในขณะที่ครอบฟันที่ทำจากโลหะหรือโลหะผสมกับเซรามิกมีอายุการใช้งานยาวนานแต่อาจมีปัญหาเรื่องสีสันและความสวยงาม
- 2. การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการทำความสะอาดฟันโดยทันตแพทย์เป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงโรคเหงือกและฟันผุ ซึ่งอาจทำลายฐานของครอบฟันได้
- 3. พฤติกรรมการกินและการใช้ฟัน การกินอาหารที่แข็งหรือเหนียวอาจทำให้ครอบฟันแตกหรือหักได้ การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของครอบฟันได้
- 4. พฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น การกัดเล็บ กัดปากกาหรือดินสอ พฤติกรรมเหล่านี้สามารถส่งผลเสียต่อครอบฟันได้ ทั้งในแง่ของการสึกหรอและการแตกหัก
- 5. การดูแลจากทันตแพทย์ การตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอและการประเมินสุขภาพของครอบฟันโดยทันตแพทย์จะช่วยให้สามารถระบุและจัดการกับปัญหาใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับครอบฟันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรักษาและยืดอายุการใช้งานของครอบฟันได้นานขึ้น
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังการครอบฟัน
หลังจากการครอบฟัน บางครั้งอาจมีปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟัน ดังนี้
- 1. ความรู้สึกไวต่อร้อนหรือเย็น หลังจากทำครอบฟันบางคนอาจสังเกตได้ว่าฟันมีความไวต่ออุณหภูมิ เช่น ร้อนหรือเย็นมากกว่าปกติ โดยปกติความรู้สึกนี้จะลดลงหลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง
- 2. อาการเจ็บปวด บางครั้งอาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายรอบๆ เหงือก หลังจากครอบฟัน เนื่องจากเนื้อเยื่อฟันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างการทำครอบฟัน
- 3. ครอบฟันหลุด ครอบฟันอาจไม่พอดีกับฐานฟัน ซึ่งอาจทำให้ครอบฟันหลุดหรือมีช่องว่างที่แบคทีเรียสามารถเข้าไปและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- 4. เหงือกอักเสบ ครอบฟันไม่พอดีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือเหงือกอักเสบ ซึ่งอาจต้องปรับแต่งหรือรักษาเพิ่มเติม
- 5. ครอบฟันเสื่อมสภาพ แม้ว่าครอบฟันจะทำจากวัสดุที่แข็งแรง แต่ก็สามารถสึกหรอหรือแตกหักได้จากการใช้งานหรือการเคี้ยวอาหารแข็ง
การติดตามและดูแลรักษาโดยทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยแก้ไขหรือจัดการปัญหาเหล่านี้ได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการครอบฟัน
วิธีแก้ปัญหาหลังครอบฟัน
การแก้ปัญหาหลักจากครอบฟันมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น
- • หากครอบฟันไวต่ออุณหภูมิ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากทั้งยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่ช่วยลดความไว เช่น น้ำยาบ้วนปากพิเศษ โดยปกติความไวต่ออุณหภูมิจะลดลงเองหลังจากผ่านไปสักระยะ
- • หากมีอาการปวดหลังจากครอบฟัน ทันตแพทย์อาจปรับครอบฟันให้พอดีมากขึ้นหรือให้ยาแก้ปวด เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
- • หากครอบฟันหลุดหรือไม่พอดี ควรพบทันตแพทย์จะตรวจสอบความพอดีและอาจต้องทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนครอบฟันใหม่
- • หากมีการอักเสบเกิดขึ้นรอบๆ ครอบฟัน ทันตแพทย์อาจทำความสะอาดและใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อ
- • หากครอบฟันแตกหรือสึกหรอ อาจต้องทำครอบฟันใหม่ รวมทั้งใช้วัสดุที่ทนทานและแข็งแรงกว่าเดิม
การพบทันตแพทย์เป็นประจำและตรวจสุขภาพเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แก้ไขและจัดการปัญหาที่การครอบฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ครอบฟันกับวีเนียร์ต่างกันอย่างไร?
ครอบฟันและวีเนียร์เป็นทางเลือกในการฟื้นฟูและปรับปรุงรูปลักษณ์ของฟัน แต่มีวัตถุประสงค์การใช้งาน วัสดุ และกระบวนการที่แตกต่างกัน
วัตถุประสงค์การใช้งาน
- • ครอบฟัน ใช้ฟื้นฟูฟันที่เสียหายอย่างรุนแรง เช่น ฟันแตกหัก สึกหรอมาก หรือฟันที่ต้องทำรากฟันเทียม ครอบฟันคลุมฟันทั้งซี่และปกป้องรอบด้าน
- • วีเนียร์ เป็นแผ่นเคลือบผิวฟันบางๆ ที่ใช้ปรับปรุงรูปลักษณ์ เช่น สี รูปร่าง หรือขนาดของฟัน โดยปกติจะใช้กับฟันหน้าเพื่อเพิ่มความสวยงาม
วัสดุ
- • ครอบฟัน ทำจากเซรามิก โลหะ หรือเซอร์โคเนีย ขึ้นอยู่กับความต้องการในแง่ของความแข็งแรงและความสวยงาม
- • วีเนียร์ มักทำจากเซรามิกหรือคอมโพสิต ซึ่งเลียนแบบลักษณะธรรมชาติของฟันได้ดี
กระบวนการติดตั้ง
- • ครอบฟัน มีขั้นตอนการเตรียมฟันมาก โดยมีการกัดเซาะฟันเดิมทั้งซี่เพื่อให้ครอบฟันพอดี
- • วีเนียร์ ขั้นตอนการเตรียมฟันน้อยกว่า เพียงแค่กรอผิวฟันด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อให้วีเนียร์แนบสนิทกับฟัน
ผลกระทบต่อโครงสร้างฟัน
- • ครอบฟัน มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฟันมาก และใช้วิธีนี้เมื่อฟันมีความเสียหายมาก
- • วีเนียร์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างฟันน้อย ใช้สำหรับปรับปรุงความสวยงามโดยไม่ต้องกรอฟันมาก
การเลือกใช้ครอบฟันหรือวีเนียร์ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยและคำแนะนำของทันตแพทย์ ซึ่งมีข้อดีในการปรับปรุงการทำงานและรูปลักษณ์ของฟัน แต่มีข้อจำกัดและผลกระทบที่แตกต่างกันต่อโครงสร้างฟัน
คำถามเกี่ยวกับการครอบฟันที่พบบ่อย
ทำครอบฟันในระหว่างตั้งครรภ์ได้หรือไม่?
การครอบฟันระหว่างตั้งครรภ์สามารถทำได้ โดยแนะนำไตรมาสที่สองเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยการครอบฟันและการรักษาทางทันตกรรมที่ไม่เร่งด่วนควรเลื่อนไปจนถึงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ เนื่องจากไตรมาสแรกมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์และไตรมาสสุดท้ายอาจทำให้การนั่งนานไม่สะดวก โดยควรอยู่บนพื้นฐานคำแนะนำของทันตแพทย์และอาจปรึกษากับแพทย์สูตินรีเวชด้วย เพื่อความปลอดภัยและการดูแลที่เหมาะสม
ครอบฟันโดยไม่มีรากฟันได้หรือไม่?
- • หากฟันไม่ได้เสียหายถึงรากฟันและโครงสร้างฟันยังแข็งแรงเพียงพอ สามารถทำครอบฟันได้โดยไม่ต้องรักษารากฟันเทียม ซึ่งช่วยฟื้นฟูรูปทรงและการทำงานของฟัน
- • หากฟันมีโครงสร้างเปราะบาง เช่น ฟันที่ถูกกรอมาก หรือมีวัสดุอุดฟันขนาดใหญ่ การครอบฟันอาจช่วยปกป้องฟันจากการแตกหักเพิ่มเติม และสามารถปรับปรุงรูปลักษณ์ของฟันที่มีสีหรือรูปทรงโดยไม่จำเป็นต้องรักษารากฟันเทียม
ปวดฟันที่ครอบควรทำอย่างไร?
สามารถบรรเทาอาการเบื้องต้นได้ โดยใช้ยาไอบูโพรเฟนหรือพาราเซตามอลช่วยลดอาการปวดชั่วคราว หรือบ้วนปากด้วยน้ำเย็นอาจช่วยลดอาการปวดจากการอักเสบ และหากมีการติดเชื้อที่รากฟันหรือเหงือกอักเสบรอบๆ ฟันที่ครอบ อาจต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือการรักษาอื่นๆ หรือครอบฟันไม่พอดี แตกหรือหลุด อาจเกิดอาการปวดหรือทำให้เหงือกอักเสบ ฟันข้างเคียงสึกหรอ ซึ่งต้องมีการปรับแต่งหรือทำใหม่
หากมีอาการปวดฟันเรื้อรังหรือรุนแรงในฟันที่มีครอบฟัน ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุรักษาอย่างเหมาะสมอย่างทันท่วงที
ครอบฟันมีโอกาสหลุดไหม?
ครอบฟันมีโอกาสหลุดออกจากฟันได้ โดยเฉพาะหากใช้งานหนักเกินไป เคี้ยวอาหารที่แข็ง หรือครอบฟันไม่พอดี ดูแลรักษาไม่เหมาะสม เช่น ไม่แปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถทำให้ครอบฟันหลุดได้เช่นกัน
ครอบฟันอยู่ได้ตลอดชีวิตไหม?
โดยปกติครอบฟันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้อยู่ได้ตลอดชีวิต แต่สามารถใช้งานได้นานหลายปี โดยอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 5-15 ปี แล้วแต่การดูแลรักษาและพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละบุคคล
อ้างอิง:
อัตราค่ารักษาศูนย์ทันตกรรมปลอดเชื้อ
https://www.nonthavej.co.th/Dental.php