รู้จริงเรื่องต้อกระจก (Cataract)

รู้จริงเรื่องต้อกระจก (Cataract)

     ต้อกระจก คืออะไร โรคต้อกระจก เกิดจากการขุ่นมัวของเลนส์ตา โดยปกติเลนส์ตามีลักษณะใส ทำหน้าที่รวมแสงให้ตกลงพอดีบนจอประสาทตา เมื่อเกิดต้อกระจกจอประสาทตารับแสงได้ไม่เต็มที่ทำให้ผู้ป่วยมีสายตาพร่ามัว เหมือนมองผ่านกระจกฝ้า แต่ไม่มีอาการอักเสบหรือเจ็บปวดใด ๆ ยิ่งแก้วตาขุ่นขึ้น การมองเห็นก็จะลดน้อยลง
รู้จริงเรื่องต้อกระจก
  • • ต้อกระจกไม่ใช่โรคติดต่อและจะไม่ลุกลามจากตาข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งสองตาแต่อาการอาจรุนแรงไม่เท่ากัน
    • การใช้สายตามาก ๆ ไม่เป็นสาเหตุของต้อกระจกหรือทำให้อาการของโรคนี้รุนแรงขึ้น
    • ต้อกระจกมักเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ กว่าที่สายตาของผู้ป่วยส่วนมากจะขุ่นมัวจนมองเห็นไม่ชัด อาจใช้เวลานานเป็นหลายเดือนหรือหลายสิบปี โดยทั่วไปต้อกระจกถือว่าเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ผลดีมาก
สาเหตุของต้อกระจก
    • วัย  สาเหตุของต้อกระจกที่พบบ่อยที่สุด  คือ  ความชราซึ่งทำให้แก้วตาขุ่นมัวและแข็งขึ้น  แต่ต้อกระจกชนิดนี้อาจเกิดขึ้นได้บ้างในผู้ป่วยที่มีอายุเพียง  40 ปี
    •  
    • อุบัติเหตุ  ต้อกระจกเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย  หากดวงตาได้รับอันตรายจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงโดนของมีคมหรือแสงรังสี
    • โรคตาหรือโรคทางร่างกายบางโรค  เช่น  การติดเชื้อโรคเบาหวาน  การรับประทานยาบางชนิดและโรคตาบางโรคอาจจะเป็นสาเหตุหรือกระตุ้นให้ต้อกระจกขุ่นเร็วขึ้นได้
    • กรรมพันธุ์และความผิดปกติแต่กำเนิด  ในกรณีที่ผู้ป่วยยังเยาว์วัย  ต้อกระจกเกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์  หรือการติดเชื้อ  และการอักเสบตั้งแต่อยู่ในครรภ์  เช่น  มารดาเป็นหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์  แต่ในหลายรายต้อกระจกก็เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
อาการของต้อกระจก
  • • สายตามัวเหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง จะมัวเร็วหรือช้ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับและตำแหน่งของความขุ่นมัวในเนื้อเลนส์แก้วตา หากเป็นเฉพาะในบริเวณขอบ ๆ ผู้ป่วยจะยังมองเห็นได้ชัดตามปกติ
  • • เห็นภาพซ้อน สายตาพร่า และสู้แสงไม่ได้ อาการระยะแรกของต้อกระจกในบางรายสายตาผู้ป่วยจะสั้นขึ้นทำให้ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ เมื่อต้อกระจกรุนแรงขึ้น สายตาจะขุ่นมัวจนแว่นตาช่วยอะไรไม่ได้ รูม่านตาที่ปกติเห็นเป็นสีดำจะกลายเป็นสีเหลืองหรือขาว

วิธีรักษาต้อกระจก

     ในบางกรณี  จักษุแพทย์บางท่านอาจใช้ยาหยอดตาเพื่อพยายามชะลอความรุนแรงของต้อกระจก  แต่ไม่มียาชนิดใดสามารถลดหรือหยุดต้อกระจกได้  เมื่อสายตาขุ่นมัวจนเกิดความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแล้วการผ่าตัดหรือการสลายต้อกระจก  จะเป็นวิธีรักษาที่ช่วยทำให้สายตาของผู้ป่วยใสขึ้นและมองเห็นได้ดังเดิม

ขั้นตอนการรักษา

     จักษุแพทย์จะตรวจวินิจฉัยดวงตาอย่างละเอียดเพื่อแยกชนิดตำแหน่งและความรุนแรงของต้อกระจก  นอกจากนี้จักษุแพทย์ยังต้องวัดความดันตา  และตรวจน้ำวุ้นตากับจอประสาทตาอย่างละเอียด  เพื่อให้ทรายแน่ชัดว่าต้อกระจกเป็นสาเหคุเดียวที่ทำให้สายตาขุ่นมัว  หรือมีโรคอื่นประกอบด้วย

     วิธีการลอกต้อกระจกที่นิยมใช้โดยทั่วไปมี  2 วิธี ภายหลังการลอกต้อกระจกแล้ว จักษุแพทย์จะใส่เลนส์แก้วตาเทียมให้แก่ผู้ป่วยเพื่อให้มองเห็นได้เป็นปกติ
  • 1.วิธีสลายต้อด้วยคลื่นอุลตร้าซาวด์ หรือ “เฟโก”
         การสลายต้อด้วยคลื่นอุลตร้าซาวด์คือวิธีล่าสุด  ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง  ในการใช้วิธีนี้จักษุแพทย์เปิดช่องเล็กประมาณ  3 มม.  ที่ผนังตาขาวเพื่อสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก  แล้วปล่อยคลื่นอุลตร้าซาวด์  หรือคลื่นความถี่สูงเข้าสลายและขจัดต้อกระจกจนหมดเหลือไว้แต่เปลือกหลังของเลนส์แก้วตาเทียมแทนแก้วตาเพื่อเป็นถุง  จักษุแพทย์จะฝังเลนส์แกวตาเทียมแทนแก้วตาที่ขุ่นลงในถุงนี้  แผลที่เกิดจากการรักษาวิธีนี้มีขนาดเล็กมาก  จึงสมานตัวได้เป็นปกติอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเย็บ  ภายหลังการสลายต้อ  ผู้ป่วยจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนอย่างทันที  ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ได้ตามปกติ  แต่ควรเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลทำความสะอาดดวงตา  รับประทานยา  และหยอดยาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด

  • 2.วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง
  •      ในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งตัวมาก  จนอาจไม่เหมาะกับการสลายด้วยคลื่นอุลตร้าซาวด์  จักษุแพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัดซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม  โดยเปิดแผลยาวประมาณ  10 มม.  ตามแนวรอยต่อระหว่างกระจกตาดำ  และผนังตาขาวบริเวณครึ่งบนของลูกตาเพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก  เหลือเปลือกหุ้มเลนส์ด้านหลังไว้เป็นถุงแพทย์จะใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงนี้  หลังจากนั้นจึงเย็บปิดแผลด้วยไหมไนลอนชนิดบางพิเศษ
ทำไมต้องใส่เลนส์แก้วตาเทียม?

     ภายหลังการลอกเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออกแล้วดวงตาจะไม่มีเลนส์แก้วตาทำหน้าที่รวมแสง มีผลให้สายตายังมัวอยู่ ดังนั้นจักษุแพทย์จึงใส่เลนส์แก้วตาเทียมเพื่อให้มองเห็นได้เป็นปกติ
     เลนส์แก้วตาเทียมมีอายุการใช้งานได้นานตลอดชีพมากกว่า 95 % ของผู้ที่เข้ารับการรักษาต้อกระจกและได้รับการใส่เลนส์แก้วตาเทียมอาจขุ่นมัวหลังจากการใส่เลนส์แก้วตาเทียมเป็นเวลานาน สายตาที่เคยเห็นได้ชัดเจนก็จะค่อย ๆ มัวลงบ้าง จักษุแพทย์จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็วง่ายดายและไม่เจ็บปวดด้วยการใช้ “แย็กเลเซอร์” (Yag Laser) ขจัดความขุ่นนี้ให้หมดไปได้ทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก
นายแพทย์สิทธิ ตั้งกิจวงศ์ไพศาล
จักษุวิทยา/กระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ
แผนกตา หู คอ จมูก